ความจริงในโลกธุรกิจ ที่ต้องเข้าใจก่อนเริ่มทำ
ในวันที่ใคร ๆ ก็อยากมีธุรกิจของตัวเอง ภาพในหัวมักมีแต่คำว่า “อิสระ รายได้ดี ได้ทำในสิ่งที่รัก”
แต่ความจริงของโลกธุรกิจ มันมีรายละเอียดเล็ก ๆ ที่คนไม่ค่อยพูดถึง และถ้าเราไม่รู้ หรือไม่ยอมรับตั้งแต่แรก จุดเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยความฝันก็อาจกลายเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกอยู่ทุกวัน
ยิ่งรู้เร็วยิ่งเดินไปได้ไกลกว่า และเหนื่อยน้อยกว่าคนที่เพิ่งมารู้ทีหลัง บทความนี้คือการเปิดหน้ากระดาษจริง ๆ ของโลกธุรกิจ แบบ No filter กับ 8 ความจริงในโลกธุรกิจ ที่ต้องเข้าใจก่อนเริ่มทำ
#เป็นพนักงานที่เก่งไม่ได้แปลว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เก่งได้
ตอนที่เราเป็นพนักงานบริษัท เราอาจะรับผิดชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่ง รู้สึกในเรื่องที่เรารับผิดชอบเรื่องเดียวก็เพียงพอ เพราะในระบบทำงานจะมีหน่วยอื่นหรือแผนกอื่น ๆ มาช่วยชัพพอร์ต และทำงานต่อจากเราจนจบกระบวนการ
แต่พอเราเป็นเจ้าของธุรกิจภาระหน้าที่ทุกอย่างจะเป็นของเราโดยทันที หรือต่อให้เราเคยเป็นผู้บริหารบริษัทที่ช่วยบริษัทขยายธุรกิจแต่การเอาเงินคนอื่น 5 ล้านบาทมาลงทุน กับการเอาเงินสด 5 ล้านบาทที่เก็บมาทั้งชีวิตของเราเองไปลงทุนก็ไม่เหมือนกัน
ฉะนั้น ไม่ได้การันตีว่า การเป็นพนักงานที่เก่งจะเป็นเจ้าของกิจการที่เก่งได้ พนักงานบางคนเก่งในการทำตามคำสั่ง ไม่ได้เก่งในการบริหาร หรือหาลูกค้า การเป็นเจ้าของกิจการจะต้องมีความเป็นผู้นำ ไม่ใช่แค่ผู้ปฏิบัติ
#ธุรกิจที่ลงทุนน้อยก็มีโอกาสสร้างรายได้น้อยและมีอายุสั้น
ถ้าเราเปิดร้านขนมที่เป็น Kiosk อยู่ตามปั๊มน้ำมัน แน่นอนว่าขนาดของร้านที่เล็ก โอกาสในการเก็บลูกค้าก็จะน้อยกว่าร้านที่มีขนาดใหญ่ โอกาสตั้งราคาสินค้าสูงจะมีน้อยกว่า เพราะลูกค้าไม่ได้ประสบการณ์อะไรเพิ่มเติมจากการมาใช้บริการ
ถ้าเราทำร้านกาแฟขนาดใหญ่มีเงินลงทุนสูง พอลูกค้ามาแล้วสัมผัสได้ว่าร้านเรามีบรรยากาศที่ดี ตลาดก็จะกว้างมากขึ้นโอกาสที่เราขายสินค้าราคาสูงก็มีมากขึ้น รายได้ก็มากขึ้น แต่แน่นอนว่าเวลาเจ็บตัวก็จะเจ็บตัวมากกว่าธุรกิจที่ลงทุนน้อยเช่นเดียวกัน
ยิ่งเริ่มต้นได้ง่าย โอกาสที่จะออกจากธุรกิจก็ง่ายไปด้วย โดยทั่วไปร้านที่มีขนาดเล็กลูกค้าจะไม่ได้ติดแบรนด์ แต่จะเอาความสะดวกเป็นหลัก ฉะนั้น จึงยากที่ร้านแบบนี้จะอยู่ได้ด้วยลูกค้าประจำ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเริ่มต้นการทำธุรกิจเล็กๆ จะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จเลย เพราะเราก็คงเคยเห็นหลายธุรกิจที่เติบโตในปัจจุบัน ก็เริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ สร้างลูกค้าจนขยายเป็นธุรกิจที่ใหญ่โต
แต่นั่นหมายถึง เราจะต้องมีจุดขายที่ชัดเจน มีการสร้างแบรนด์ที่น่าจดจำ และมีการรักษาลูกค้าเก่าให้ได้มากที่สุด เราถึงจะสามารถไปถึงจุดนั้นได้
#อย่าเลือกธุรกิจที่ใครบอกว่าดีแต่ให้เลือกธุรกิจที่เราชอบและมีความรู้เรื่องนั้นจริงๆ
ทุกธุรกิจมีเทรนด์ของมัน ถ้าเราทำตามเทรนด์หรือกระแสที่กำลังเป็นขาขึ้น แน่นอนว่าเราย่อมที่จะขายได้ แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่าในวันที่เทรนด์หมด ลูกค้าลดน้อยลง เรายังจะมีแรง หรือมีใจทำอยู่หรือเปล่า
ทุกธุรกิจที่มีคนบอกว่าดีหรือไม่ดี มันจะมีคนอยู่ได้เสมอ ซึ่งคนที่อยู่ได้มักจะเป็นคนที่รู้จริง และเข้าใจในธุรกิจนั้นจริง ๆ ฉะนั้น ถ้าเราจะทำธุรกิจอะไร อย่าดูกระแสอย่างเดียว ต้องดูว่าเรารัก และเรารู้จริงในธุรกิจนั้นหรือเปล่า
ถ้าธุรกิจที่เราชอบ และเรามีความรู้เรื่องนั้นจริง ๆ เป็นธุรกิจที่คนอื่นบอกว่าดี
ตอนนี้มันอาจเป็นกระแส แต่ในอนาคตมันจะอาจตกลงเราจึงควรจะวางโมเดลธุรกิจให้มี Fixed Costs ที่ไม่มาก
วางโครงสร้างธุรกิจเผื่อในวันที่ยอดขายตกไว้ด้วย เพราะต่อให้ยอดขายตกเราก็ยังอยู่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ
#ระบบคือสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง
ช่วง 1-3 ปีแรกที่เราเริ่มธุรกิจ เราคงมีแรงในการเฝ้าธุรกิจทุกวันไม่ว่าเรื่องอะไรที่เข้ามาก็ดูเป็นเรื่องสนุก ท้าทาย แต่อยากให้เรา ลองจินตนาการภาพของตัวเองว่า เราจะสามารถอยู่ในธุรกิจนี้ได้นานแค่ไหน เราโอเคกับการอยู่เฝ้าร้านในทุก ๆ วันหรือไม่
หรือวันที่ไฟในการทำธุรกิจเราหมด วันที่เราได้ทำทุกอย่างที่อยากทำแล้ว เราจะยังอยากทำธุรกิจนี้อยู่หรือไม่
ถ้าใช่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเราตอบตัวเองได้ชัดว่าไม่เรายังอยากไปทำอย่างอื่นด้วย สิ่งที่เราต้องทำคือ การวางระบบและสร้างทีมงานให้สามารถบริหารธุรกิจแทนเรา โดยเราไม่จำเป็นต้องทำเองได้
ต่อให้ธุรกิจในปัจจุบันจะมีอายุที่สั้นลงเรื่อยๆ แต่ก็คงไม่มีใครที่คิดจะทำธุรกิจเพียงปี สองปี แล้วไปเริ่มธุรกิจใหม่แน่นอนเพราะนั่นเท่ากับเราต้องเสียเงินลงทุนใหม่ เรียนรู้ธุรกิจใหม่ ๆ อยู่เรื่อยๆ
#อย่าลงเงินทั้งหมดที่มีกับธุรกิจให้เผื่อก๊อกสองไว้ด้วย
ในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ ไม่แนะนำให้ลงเงินทั้งหมดที่มีไปกับธุรกิจ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำจะสร้างผลกำไงไงได้ตั้งแต่เดือนแรกที่ทำเลยหรือเปล่า แถมประสบการณ์ในธุรกิจเราก็ไม่มีอีก
ถ้าเราใช้เงินทั้งหมดที่เรามีไปกับการเริ่มต้น แล้วปรากฎว่าไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด อาจทำให้เราต้องออกไปจากธุรกิจ ทั้งที่เรายังอยากสู้ต่อ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ไปกู้หนี้ยืมสินจากใครมาลงทุนด้วยเช่นกัน หากเราไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจนั้นมาก่อนแล้วเราจะทำยังไง
#ไม่มีธุรกิจไหนดีที่สุดมีแต่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเรา
เราต้องดูว่าเราชอบธุรกิจที่กำลังจะทำหรือเปล่า เราอยู่กับมันได้นานแค่ไหน ไม่มีหรอกที่บอกว่าร้านอาหารเหมาะกับทุกคน มันไม่ใช่ว่าธุรกิจไหนดี หรือไม่ดีกว่ากันขึ้นอยู่กับว่าเราชอบไหม เราพอใจกับผลตอบแทนหรือเปล่าถ้าตอนแรกเราคิดว่าธุรกิจนี้น่าจะเหมาะกับเรา แต่พอทำไปแล้วพบว่ามันไม่ใช่ ถ้าอยากทำต่อก็ต้องปรับตัว แล้ววางระบบไป
หลายคนที่ทำธุรกิจก็ไม่ได้รู้สึกว่าเหมาะกับตัวเอง บางคนรับธุรกิจที่บ้านมาทำต่อ ก็วางระบบให้ธุรกิจเดินหน้าไปต่อได้ แล้วค่อยไปหาความชอบจากการหางานอย่างอื่นแทน ไม่จำเป็นจะต้องทำธุรกิจที่เรารักเสมอไป
#อย่าคิดว่าธุรกิจดีจะอยู่ที่ทำเลไหนก็ได้
ลูกค้ามีทางเลือกอยู่หลายทาง ถ้าถามว่า อยู่ในทำเลไม่ดีแล้วมีโอกาสที่ลูกค้ามาใช้บริการไหม ตอบ
ได้เลยว่า ‘มี’ แต่อย่าลืมว่าถ้าลูกค้ามาแล้วลำบาก เขาก็จะไม่อยากมาบ่อย เพราะในตลาดมีของทดแทนให้เลือกอยู่มากมาย
วันนี้เราอาจเป็นธุรกิจใหม่ที่ใคร ๆ ก็อยากมาใช้บริการ แต่พอเปิดไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง ลูกค้ามีโอกาสได้มาลองหมดแล้ว วันนั้นเราก็จะเหมือนคนที่น่าเบื่อไม่มีอะไรแปลกใหม่
ฉะนั้นการที่เป็นคนมีเสน่ห์มีแรงดึงดูด มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีตลอดไป มันจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น การเลือกทำเลที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เหมาะสมกับเงินที่เรามี ก็จะทำให้เราสามารถยืนระยะได้ยาวมากยิ่งขึ้น
#ธุรกิจก็เหมือนหุ้นมีทั้งช่วงขึ้นและลง
ไม่มีธุรกิจไหนที่ขายดีตลอดไป มันจะมีช่วงจังหวะของธุรกิจ มีช่วงธุรกิจขาขึ้นที่ไม่ว่าจะออกอะไรมาก็ขายได้เพราะธุรกิจกำลังอยู่ในกระแส ในขณะเดียวกันก็มีขาลง มีช่วงที่เทรนด์หรือพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป
ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอในยามที่ธุรกิจเราอยู่ในช่วงขาลงหรือไม่เป็นอย่างที่เราคิด เตรียมตัวเตรียมใจ และอาจต้องเตรียมเงินทุนไว้ด้วย และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ
เมื่อเราเห็นสัญญาณว่าธุรกิจเราเริ่มเป็นขาลงแล้ว เราต้องรีบปรับตัว อาจะปรับรูปแบบบบางอย่างของธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของเรากลับมาเป็นขาขึ้นเหมือนเดิม หรือถ้าเรารู้ว่าธุรกิจที่เราทำอยู่กำลังจะหมดกระแสหรือหมดเทรนด์ บางครั้งอาจต้องเตรียมหาธุรกิจใหม่ทำไว้ล่วงหน้า
จากทั้ง 8 ข้อ คือต้องบอกเลยว่าธุรกิจส่วนตัวไม่ใช่ทางออกของคนรักสบาย
ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีเจ้านาย แต่เราก็มีโอกาสสูงมากที่จะต้องง้อคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ซัพพลายเออร์ ธนาคาร หรือแม้กระทั้งลูกน้องเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
ธุรกิจส่วนตัวจึงเป็นทางเลือกของคนที่แสวงหาอิสรภาพในการใช้ชีวิตหรืออิสรภาพทางการเงินโดยยินดีที่จะแลกกับการทำงานที่หนักกว่าคนทั่วไป แต่เป็นงานที่เราอยากทำ ทั้งหมดอยู่ที่เราเองว่าเราจะชอบแบบไหนค่ะ
หวังว่าบทความที่นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทาง แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ
- ธุรกิจไม่โต เจ้าของร้านเก่งแค่ไหนก็พลาดได้ กับดัก Founder’s Trap ที่ฉุดไม่ให้เราโตไปมากกว่าที่เป็นอยู่
- ความผิดพลาด ไม่ได้น่ากลัวเท่าการไม่เริ่มลงมือทำอะไรเลย
- ดูร้านเองคนเดียว ก็ยังต้องแบ่งหน้าที่ตัวเองให้ชัดเจนอยู่ดี
- ลูกค้าเปลี่ยนไป ตลอดเวลา? 12 สิ่งที่ลูกค้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้โลกจะเปลี่ยนไปก็ตาม
- 3 Mindset ธุรกิจ จาก 10 ล้าน สู่ พันล้าน ของ เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล แห่ง Dentiste’
- ทำอย่างไรให้เจ้าของธุรกิจ คิดและทำแบบนักการตลาดได้ มาถอดบทเรียนจากแบรนด์ต่าง ๆ กัน
- การตั้งราคาขาย 10 แบบ ที่ใช้กันบ่อยที่สุดในโลก