วางสัดส่วนหุ้นยังไง ข้อควรรู้ก่อนแบ่งหุ้นกับใคร บทเรียน SME จากซีรีส์ ‘สงครามส่งด่วน’
เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ดู ‘สงครามส่งด่วน’ กันบ้างแล้ว ซึ่งในเรื่องมีหลายประเด็นธุรกิจที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนทำธุรกิจ ซึ่งวันนี้ขอหยิบยกเรื่อง ‘สัดส่วนหุ้น’ ในเรื่องมาพูดถึงค่ะ (อาจมีพูดถึงเนื้อเรื่องนิดหน่อย)
สัดส่วนหุ้น เรื่องนี้ถือเป็นพื้นฐานที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้เลย เวลาเราจะไปทำธุรกิจกับใคร หุ้นไม่ใช่แค่ตัวเลขว่าใครได้กำไรเท่าไหร่ แต่มันหมายถึง ‘อำนาจในการตัดสินใจ’ และ ‘สิทธิในธุรกิจ’ ด้วย
ถือมากกว่า 25%
หรือหุ้นชนักหลัง แม้ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ก็ มีอำนาจบล็อกการตัดสินใจใหญ่ ๆ ได้ เช่น การยกเลิกกิจการ การลดทุน เพิ่มทุน การควบรวม
อย่างในเรื่องสันติเสร็จเจ้าสัวคณิน ก็เพราะถือแค่ 19% เนี่ยแหละ เลยไม่มีสิทธิบล็อกโหวตการเพิ่มทุนของคณินกรุ๊ป
ถือ 50%
สัดส่วนที่รุ่ยเจียไม่เอา ทั้ง ๆ ที่ฟังดูแฟร์ ดูเท่ากัน แต่ในทางธุรกิจมันคือกับดักที่พาธุรกิจเป็นอัมพาตได้ง่ายมาก เพราะในโครงสร้าง 50-50 ไม่มีใครถือเสียงข้างมาก เวลาเรามีความเห็นที่ไม่ตรงกันมันทำให้ตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย
ถ้าไม่มีข้อตกลงชัดเรื่องใครตัดสินใจสุดท้าย หรือไม่มีกรรมการกลาง อาจทำให้ธุรกิจไม่เดินหน้า
ถือมากกว่า 50%
มีสิทธิอนุมัติมติสำคัญทั่วไปของบริษัท เช่น คุมบอร์ด แต่งตั้งกรรมการ แต่งตั้ง CEO อย่างในเรื่องนี่เป็นสัดส่วนที่ Thunder Express ใช้ ทำให้สันติมีอำนาจในการจัดการเต็ม ๆ
ถือมากกว่า 75%
เรียกว่าเบ็ดเสร็จ มีอำนาจค่อนข้างเต็ม เป็นคนคุมทิศทางบริษัททั้งหมดเลย คือสามารถแก้ไขข้อบังคับต่าง ๆ ในบริษัท หรือจะอนุมัติอะไรเป็นพิเศษก็ได้
Dilute (ไดลูท) เพิ่มทุนเพื่อเขี่ยออก
เรื่องจริงในธุรกิจสตาร์ทอัป SME แฟรนไชส์ ที่เริ่มจากน้ำพักน้ำแรงและจบด้วยการที่ทุนใหญ่หักหลังแบบเนียน ๆ
จากหุ้นส่วนสามารถกลายเป็นผู้ชมในพริบตาเดียว บทเรียนธุรกิจที่โคตรเลือดเย็นของ SME หลายคน รวมถึงสันติในเรื่องด้วย
และที่บอกว่ามันเลือดเย็นเพราะว่านี่คือการเตะผู้ถือหุ้นอย่างถูกกฎหมาย ถ้าเราทำตามขั้นตอน นี่คืออาวุธลับในการปรับอำนาจและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบริษัท
โอเคเรามาทำความเข้าใจการเพิ่มทุนคร่าว ๆ กันก่อน การเพิ่มทุน ก็คือ การออกหุ้นใหม่เพื่อเพิ่มเงินเข้าบริษัท เช่น
บริษัทเดิมมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท (หุ้น 100%)
เพิ่มทุนอีก 10 ล้าน = หุ้นใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 10 เท่า
ถ้าหุ้นเดิมไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ ก็เท่ากับว่า สัดส่วนจะถูกลดลงทันที
ซึ่งในเรื่องการที่คณินกรุ๊ปจับมือกับทุนจีนเเล้วเพิ่มทุนสิบเท่าเพื่อ Dilute สัดส่วนของสันติจาก 19% มาเป็น 1.9% และการที่อีกฝั่งถือ 98.1% ทำให้สันติไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรเลย
บทเรียนนี้บอกเราว่า…
1. หุ้นมาก ไม่เท่ากับอำนาจเสมอ ถ้าไม่มีเงินเติมเกมตอนบริษัทขยาย อาจโดนทิ้ง
2. ต้องมีสิทธิ “รักษาสัดส่วน” (Pre-emptive Right) เขียนไว้ใน SHA (Shareholders’ Agreement)
ถ้าไม่มี หากเพิ่มทุนเมื่อไหร่ เราจะโดนไล่ได้ง่าย ๆ
เราต้องมี Protective Clause ตรงนี้อาจจะต้องระบุไว้ว่าถ้าจะเพิ่มทุน ต้องเสนอให้ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อก่อน หรือ ระบุไว้ว่าห้ามเพิ่มทุนเกิน XX% โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นเดิม เป็นต้น
3. การเพิ่มทุน = กลยุทธ์เปลี่ยนอำนาจ ถือหุ้นมากก็โดน “กลืน” ได้ ถ้าไม่ทันเกม
แค่ความสัมพันธ์และน้ำพักน้ำแรงนั้นไม่พอ ธุรกิจต้องมีเอกสาร สิทธิ์ แผนป้องกันด้วย ถ้าไม่อยากโดนขยี้จากเกมทุน
ดูหนังแล้วสะท้อนดูตัวเราเอง ในสงครามส่งด่วนมีหลายเรื่องให้เราคนทำธุรกิจได้เรียนรู้ ใครยังไม่ได้ดูแนะนำเลย ของดี นอกจากความรู้แล้วคุณจะได้ไฟกลับมาอย่างแน่นอนค่ะ
หวังว่าเรื่องราวที่นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการและคนที่อยากเปิดร้านอาหารทุกท่านนะคะ ฝากติดตาม Torpenguin ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ 😊
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ
- วิธีลดต้นทุน เพิ่มกำไร ร้านอาหาร แบรนด์ร้านอาหารใหญ่ ๆ เขาบริหารจัดการต้นทุนยังไง
- SOP ทางรอดของธุรกิจร้านอาหาร บทเรียนจากร้านอาหารระดับโลก Minor Food
- ทำยังไงให้ลูกค้ากลับมา 10 ครั้งต่อเดือน? เปิดเคล็ดลับปั้น CRM ของแบรนด์ The Coffee Club และ บ้านส้มตำ
- Marriott บริการลูกค้า ยังไง? เรียนรู้งานบริการที่ลูกค้าประทับใจจากเชนโรงแรมขนาดใหญ่
- Eat Am Are ร้านสเต๊ก 15 สาขาที่รายได้แซงทุกเชนใหญ่
- Nose Tea จากแบรนด์สกินแคร์สู่จุดเริ่มต้นชาชีส ปั้นแบรนด์ยังไงให้ลูกค้าต่อแถวซื้อ
- Digiro โมเดลสายพานดิจิตอลรูปแบบใหม่ของ Sushiro ที่คิดมาเพื่อรับมือพวกเล่นพิเรนทร์
- สูตรลับโตพันล้านฉบับ After You 5 สิ่งที่ให้ After You กลายเป็นร้านขนมที่มีนามสกุลมหาชนอย่างทุกวันนี้
- Power of Detail ความสำเร็จ วัดกันที่รายละเอียด ถอดไอเดียจาก สุกี้ตี๋น้อย และ Karun