ปัตตานี จังหวัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และถูกกล่าวขานว่าเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม ไทย จีน มลายู ชวา อินเดีย เนื่องจากในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองท่าสำคัญ โดยเป็นเมืองที่เรือสินค้าจะต้องต้องหยุดพัก 2 ปี ก่อนเข้าไปที่อาณาจักรอยุธยา ทำให้เมืองแห่งนี้ได้รับอิทธิพลของของอาณาจักรต่าง ๆ ที่เข้ามาทำการค้า โดยเฉพาะโปรตุเกส
เสน่ห์เหล่านั้นสะท้อนผ่านสถาปัตยกรรม ความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายของเมนูอาหารที่ครบทั้งรส และเรื่องราว
ปัตตานี จึงเป็นหนึ่งในปลายทางที่เราตั้งใจเดินทางไปจัดงานลงแขกด้วยความมุ่งมั่นในการสร้าง Community ร้านอาหารในจังหวัดแห่งนี้
งานในครั้งนี้คงเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดการสนับสนุนจากร้าน มิตรไมตรี Dining Café ร้านอาหารที่ต้องการยกระดับเมนูอาหารท้องถิ่น เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการร้านให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจอาหารในจังหวัดปัตตานี
และนี่คือเรื่องราวของ มิตรไมตรี Dining Café ร้านอาหารที่เริ่มต้นจากโปรเจกต์ Food Truck สู่ห้องทานข้าวที่ถูกใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ
17 ปีในงานระบบราชการและหน่วงงานจิตอาสา กับจุดเริ่มต้นของมิตรไมตรี
จากลูกแม่ค้า สู่หนุ่มวิศวะคอมผู้เข้าทำงานในระบบราชการ และใช้ชีวิตอยู่กับคอมพิวเตอร์มากว่า 17 ปี โปรเจกต์ร้านอาหารได้ทำให้ คุณดีน – นูรดีน วันสุไลมาน เจ้าของร้านมิตรไมตรี Dining Café กลับสู่บทบาทการเป็นผู้ประกอบการเหมือนในวัยเด็กอีกครั้ง
“ช่วงที่ทำงานในระบบราชการและอยู่กับระบบงานสายคอมพิวเตอร์ เราก็ได้คิดโปรเจกต์ที่จะทำธุรกิจประมาณ 7 – 8 โปรเจกต์อยู่ในกระดาษ มิตรไมตรีโดยเริ่มต้นมันคือ ‘มิตรไมตรี to go’ เป็น Food truck”
การพูดถึง Food Truck ในวันนี้อาจไม่ว้าวแล้ว แต่หากเราย้อนกลับไปในช่วงโควิด – 19 Food Truck ยังใหม่ และเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง คุณดีนเล่าว่าช่วงที่เขาเปิด Food Truck ในปัตตานี เป็นช่วงหลังโควิด – 19 จบลงไม่นาน ตอนนั้น Food Truck ยังใหม่ และเป็นรูปแบบการขายที่คนให้ความสนใจ
ไม่ใช่แค่ไอเดีย Food Truck เพียงเท่านั้นที่ทำให้มิตรไมตรีเป็นร้านที่ชวนจับตามอง มีคนจำนวนมากที่ต้องปิดกิจการเพราะขายสินค้าในราคาไม่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในพื้นที่ ความน่าสนใจคือ ‘มิตรไมตรีเลือกที่จะขายแพงตั้งแต่วันแรกของการเปิดร้าน’
“ตอนแรกที่เปิดร้านทุกคนก็บอกว่าไปไม่รอด ขายแพง ปกติเขาซื้อ 20 – 40 ใช้เนื้อธรรมดา แต่เรามองว่าเราอยากได้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังในการซื้ออยู่ที่ 150 – 160 ซึ่งมันต้องใช้ความกล้าในช่วงแรกมาก”
ถึงตรงนี้เราอยากชวนทุกคนมาสวมหมวกของลูกค้า แล้ววิเคราะห์ร้านมิตรไมตรีที่ตั้งราคาสูงกว่าร้านทั่วไปโดยละเอียด มีอะไรบ้างที่เราคาดหวังจากเบอร์เกอร์ราคา 150 – 160 บาท
จากนั้นถอดหมวกลูกค้าแล้วมาสวมหมวกผู้ประกอบการ อะไรบ้างที่เราจะทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า และรับรู้ว่าแบรนด์ของเราแตกต่างจากแบรนด์เบอร์เกอร์เจ้าอื่น ๆ
สำหรับคำตอบของมิตรไมตรี พวกเขาใช้ แบรนด์ดิ้ง ความสะอาด และการเพิ่มความพรีเมี่ยมให้กับสินค้าด้วยการใช้เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย ซอสสูตรพิเศษจากโรงแรม 5 ดาว รวมถึงการใช้แป้งเป็นแป้งฝรั่งเศส คุณดีนเล่าว่าความอร่อยเป็นมาตรฐานของร้านอาหารทุกร้านอยู่แล้ว ฉะนั้นมิตรไมตรีจะต้องเป็นมากกว่าร้านอาหาร
“ตอนนั้นมันเป็นประสบการณ์ใหม่กับคนพื้นที่ที่ได้กินเบอร์เกอร์จาก Food Truck มันเป็นคอนเทนต์ที่แข็งแรงที่ลูกค้ามาแล้วก็ถ่ายรูป”
เอาชนะทำเลปราบเซียน
FoodTruck ของมิตรไมตรีไม่เพียงเป็นคอนเทนต์ที่แข็งแรงให้กับลูกค้า เพราะเมื่อมีคนจดจำแบรนด์ได้ ตัวแบรนด์ยังสามารถเป็นคอนเทนต์ให้กับ Influencer ในท้องถิ่นที่แวะเวียนเข้ามารีวิวให้กับร้านโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
พลังของ Social media ทำให้มีคนตามรีวิวมาจนแน่นร้าน จาก 3 โต๊ะ ก็เพิ่มเป็น 12 โต๊ะ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนคนที่มารอ คุณดีนเล่าว่าลูกค้าต้องหอบเสื่อจากบ้านมาปูนั่งก็มีเช่นกัน
“หลังจากเพิ่มโต๊ะแล้วแต่ก็ยังไม่พอนั่ง เราก็เลยโพสต์ว่า ‘ลูกค้าตอนนี้โต๊ะเยอะ และโต๊ะเต็มแล้ว ลูกค้ามีทำเลสวย ๆ ดี ๆ มาแนะนำไหม ลูกค้าก็คือรู้สึกดีกับเรา และหวังดีกับเรา ก็ส่งทำเลเข้ามาเยอะมาก”
ท่ามกลางทำเลมากมาย ใครเล่าจะคิดว่าคุณดีนจะเลือกทำเลลับตาที่มักมีเหตุอาชญากรรมจี้ปล้นเป็นแหล่งมั่วสุม และเป็นทำเลที่ถูกขนานนามว่า ‘ปราบเซียนมานักต่อนัก’ เป็นสถานที่เริ่มต้นของ ‘มิตรไมตรี’ ที่เติบโตไปอีกขั้น และมีฉากหลังของร้านเป็นโกดังเก่า
“เราอยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างว่ามันต้องชนะทำเลที่ไม่ดี แต่การเลือกทำเลนี้เราไม่มีความเสี่ยงเลย เริ่มต้นด้วยเจ้าของโกดังเขาให้มาอยู่ฟรี เราแค่เอา Food Truck มาจอดหน้าตึก วางโต๊ะ แล้วบอกกับลูกค้าว่าเราอยู่ตรงนี้นะ ลูกค้าก็ตามมา พอลูกค้ามาเขาบอกเขาชอบมาก หลังจากนั้นคนก็เต็ม”
“ที่เรามาทำในทำเลนี้มันไม่ใช่นับหนึ่งนะ มันคือติดลบ เราเอาติดลบมานับศูนย์ นับหนึ่งใหม่ มันต้องใช้กำลังและความคิดความคิดสร้างสรรค์เยอะมาก ชาวบ้านบอกดีใจมากที่เรามาเปิดร้านที่นี่ มันทำให้ที่นี่สว่างไสว ทำให้ชาวบ้านมีงานทำ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชุน เขาก็อยากจะช่วยเรา”
ในเวลาไม่นาน มิตรไมตรีก็ตัดสินใจเปิดประตูโกดังเก่ามาปัดฝุ่นเพื่อขยายกิจการเข้าไปด้านใน ช่วงแรกพวกเขาขายแล้วนำเงินมาหมุนเวียนแต่งร้านไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เพิ่มทีละจุด แต่การขยายร้านด้วยวิธีนี้ต้องใช้เวลา ทำให้ร้านไม่สามารถรับลูกค้าได้ทัน คุณดีนจึงตัดสินใจรีโนเวตร้านครั้งใหญ่
การรีโนเวตครั้งใหญ่ไม่เพียงมีเป้าหมายเพื่อขยายร้านให้สามารถรับลูกค้าได้มากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพื่อแปลงโฉม ปรับลุคสร้างแบรนด์ให้มิตรไมตรี to go กลายเป็นแบรนด์ใหม่ ‘มิตรไมตรี dining café’ จากเดิมที่มีเพียงเนื้อและเบอร์เกอร์ ที่นี่ก็กลายเป็นห้องรับแขกที่มีครัวไทย ครัวฝรั่ง ครัวอาหรับ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องครัวแบบมืออาชีพราคา 6 หลัก เข้ามาอยู่ในร้าน
“ตอนนั้นเราประกาศหยุดร้าน แล้วให้พนักงานทุกคนลาออก เราคุยกับพนักงานว่าใครจะมาอยู่ต่อที่นี่ พรุ่งนี้มาสมัครใหม่ เพราะเราจะไม่ใช่แค่มิตรไมตรี to go อีกต่อไป เราจะเปลี่ยนเป็นมิตรไมตรี dining café ปรับเพจ ปรับชื่อ ปรับโทนแบรนด์ดิ้ง ปรับโปรดักชัน รวมถึงระบบการจัดการร้านต่าง ๆ ให้คนรับรู้ว่าเราเป็นร้านอาหารสมบูรณ์แบบ เห็นภาพความเป็นมืออาชีพของเรา”
@mitmaitri.diningcafe ”มิตรไมตรี ยืนหนึ่งเรื่องเนื้อคุณภาพ พร้อมมอบประสบการณ์ความอร่อยที่แตกต่าง ลิ้มลองเนื้อพรีเมียมที่คัดสรรมาเพื่อคุณทุกมื้อ “ 👍🏼 วัตถุดิบพรีเมี่ยม 👍🏼 อุปกรณ์ระดับมิชลิน 👍🏼 เชฟมากประสบการณ์ . ⏰ เปิดเวลา 11.00 -21.30 น เฉพาะวันศุกร์ เปิด 13.00 -21.30 น. 📌 พิกัด หลังโรงพยาบาลปัตตานี ข้างโรงเรียนสะบารัง https://maps.app.goo.gl/i5EK25i9Wg2tR8hf8 ☎️ 066 109 5110 . #เพราะความรู้สึกดีๆของทุกท่านคือเรื่องสำคัญของเรา ✨ #มิตรไมตรี🌻 #มิตรไมตรีDiningCafé #ปัตตานี #เนื้อ #เนื้อออสเตรเลีย #halal #ดื่มด่ำความรู้สึกดีๆ #มิตรไมตรีพลังบวก #ตัวจริงเนื้อคุณภาพต้องมิตรไมตรี #makananhalal #makananviral #makanansedap #ดื่มด่ำความรู้สึกดีๆ #มิตรไมตรีพลังบวก #ทุกเมนูอร่อยระดับมืออาชีพ #มิตรไมตรีDiningCafé #ร้านกาแฟที่ปัตตานี #ความอบอุ่นที่นี่“ #มิตรไมตรีDiningCafé #มื้อพิเศษ #อาหารพรีเมียม #รับจัดเลี้ยง #งานแต่งงาน ♬ เสียงต้นฉบับ – มิตรไมตรี.DiningCafe
ห้องรับแขกที่เสิร์ฟสิ่งที่ดีที่สุด
ปัจจุบันมิตรไมตรีเปรียบเหมือนครัวของปัตตานีที่หยิบของดีจากท้องถิ่นมาเล่าเรื่องราว ถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารไปพร้อมกับการเพิ่มมูลค่าให้กับเมนูท้องถิ่น เพื่อผลักดันให้คนรู้จักเมนูอาหารท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น
มิตรไมตรีมีโมเดลธุรกิจที่กระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการรายเล็กด้วยวิธีการรับซื้อเมนูอาหารบางเมนูจากเจ้าต้นตำรับ เช่น โรตีกาบา ขนมปังย่างถ่านจากยะลา ตูปะ(ข้าวต้มใบกะพ้อ) ที่คุณดีนรับมา แล้วนำมายกระดับให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นให้มีราคาเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ผู้ประกอบการขายแล้วได้กำไร 1 – 3 บาท ถูกรับซื้อด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็น 5 – 8 บาท
แต่แน่นอนว่าเมนูส่วนใหญ่ยังคงถูกส่งตรงจากครัวของมิตรไมตรีโดยเชฟที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะมาตรฐานเป็นหัวใจสำคัญของที่นี่
“มิตรไมตรี Dining Café แปลว่าห้องรับแขก ที่นี่จึงเสิร์ฟสิ่งที่ดีที่สุด ไปพร้อมกับการส่งมอบความรู้สึกดีให้กับแขกที่เป็นเสมือนเพื่อนของเรา มิตรไมตรีไม่มีกรอบที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นใครก็มาที่นี่ได้”
@mitmaitri.diningcafe ที่พบปะ มิตรสหาย #ทุกเมนูอร่อยระดับมืออาชีพ #ดื่มด่ำความรู้สึกดีๆ #TerimaKasih ♬ Nanga Punga Dost (PK) – Alaa Wardi
เพื่อเสิร์ฟความรู้สึกดีควบคู่ไปกับความอร่อย มิตรไมตรีจึงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า และบริหารร้านภายใต้สโลแกนในการส่งมอบความจริงใจให้กับลูกค้า วิธีการที่จะทำให้ลูกค้าเห็นความจริงใจของร้านมากที่สุด ก็คือการทำครัวเปิดเพื่อโชว์ทุกอย่างให้ลูกค้าเห็นความสะอาด วัตถุดิบ เครื่องปรุง อุปกรณ์ที่ใช้ จนถึงความเป็นมืออาชีพของเชฟ
“ความจริงใจ บางครั้งคำพูดพิสูจน์ไม่ได้ แต่การกระทำคือการพิสูจน์”
แบรนด์คือประตูของโอกาส
ทุกสิ่งทุกอย่างของมิตรไมตรี ล้วนมีส่วนผสมของแบรนด์ที่เกี่ยวโยงกับประสบการณ์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ในการเสนอทำเล มีส่วนร่วมในการเติบโต มีส่วนร่วมในประสบการณ์ที่มิตรไมตรีตั้งใจส่งมอบความรู้สึกดี ๆ ที่มาจากการทำงานหนักทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มิตรไมตรีเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็ง เชื่อมไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น โอกาสในการเป็นร้านอาหารที่ถูกเลือกให้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญเมื่อบุคคลระดับประเทศเดินทางมาที่ปัตตานี โอกาสในการคัดเลือกงานกว่าพันคนที่สมัครเข้ามาด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์
แต่เหนือไปกว่าทุกสิ่ง คือความสามารถในการทำให้ผู้คนที่แวะเวียนมาที่นี่รู้สึกภาคภูมิใจก่อนกลับออกไป
มิตรไมตรีเดินทางมาถึงวันนี้ มีหลักสำคัญในการทำธุรกิจเพียง 4 ข้อเท่านั้น แต่เป็น 4 ข้อที่ไม่สามารถขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปได้ ซึ่งก็คือ
1. เจ้าของธุรกิจต้องได้ประโยชน์ กำไรก็ต้องได้ แต่ไม่ใช่แค่กำไรเพียงอย่างเดียว เรื่องความสุข ความสนุก ความภูมิใจก็ต้องด้วย
2. ทีมงานทุกคนที่เป็นพนักงานของเราต้องได้ประโยชน์ ได้เงินเดือนที่ดี ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเงินไปเลี้ยงครอบครัว มีเงินจ่ายค่าเทอม มีเงินดูแลสุขภาพของเขา
3. สังคมต้องได้ประโยชน์ อาหารท้องถิ่นเรารับมาขาย ลุงป้าจากราคา 1 บาท มาขายที่เรามูลค่ามันเพิ่มขึ้น ชุมชนได้ประโยชน์จากเรา ชุมชนในระแวกรอบ ๆ ร้านมีชีวิตชีวามากขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดี มีการจ้างงาน และสร้างอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน
4. ลูกค้าต้องได้ประโยชน์ ที่ได้มากินอาหารอร่อยระดับมืออาชีพ มีความสะอาด มีบริการที่ดี
“ถ้าข้อใดข้อหนึ่งไม่ผ่านไม่ได้เลย เราต้องทำให้ผ่าน” – คุณดีน
ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร
Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin
อ่านต่อบทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
จุ้ยตี๋ เล่าเสน่ห์ ‘ภูเก็ต’ ผ่านเมนูขนมหวานดั้งเดิมที่เหมือนยกภูเก็ต มาอยู่กรุงเทพ ฯ
Soft Food : สัมผัสนุ่มของอาหาร 4 ระดับ กับโจทย์การเปิดร้านในวันที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย
ประชาคาเฟ่ เปลี่ยนโรงพิมพ์ 70 ปี เป็นคาเฟ่สร้างคอมมูนิตี้ ยกระดับชุมชนเก่าตลาดพลู
