ทางรอดของธุรกิจ

ทางรอดของธุรกิจ ยุคนี้ คือต้องเป็นเจ้าแรก เป็นเจ้าที่ดีที่สุด หรือ เจ้าที่แตกต่าง

 

“To make it in this business, you either have to be first, best, or different,”

 

เป็นคำกล่าวของ Loretta Lynn นักร้องเพลงคันทรี่ในตำนานท่านนึง ซึ่งยอมรับว่าเกิดไม่ทันและไม่รู้จักค่ะ 😅  แต่พอได้ยินประโยคนี้ครั้งแรกก็รู้สึกว่าจริงเป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงอย่างเช่นทุกวันนี้

 

แค่ถนนเส้นเดียวจะเห็นว่า ในระยะเวลา 1 ปี จะมีหลายร้านล้มหายตายจากไป แต่ก็ยังมีผู้เล่นหน้าใหม่ที่พร้อมจะกระโจนเข้ามาในธุรกิจนี้ตลอดเวลา พอเราสังเกตุให้ดีจะพบว่าร้านที่จะอยู่รอดได้ตลอดรอดฝั่งนั้นจำเป็นต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งนี้เสมอ คือ

 

The first

ผู้ที่เข้ามาในธุรกิจเป็นคนแรกหรือกลุ่มแรก ย่อมมีโอกาสกอบโกยในธุรกิจได้ก่อนที่เจ้าอื่น ๆ จะตามมา การที่เราจะเป็นคนแรกในธุรกิจนี้ได้จำเป็นจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่มากกว่าคนอื่น คาดการณ์ตลาดได้ดีกว่า บางที่ลูกค้าอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำกว่าจริง ๆ เขาต้องการอะไร เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องสร้างความต้องการให้ลูกค้า

ซึ่งการเป็นเจ้าแรกอาจไม่ได้หมายถึงการเป็นเจ้าแรกในประเภทธุรกิจนั้น ๆ เสมอไป เจ้าแรกอาจหมายความได้ทั้งเจ้าแรกในทำเลนั้น ๆ เจ้าแรกที่คิดค้นเมนูนี้ หรือ เจ้าแรกที่ทำการตลาดแบบนี้

อย่างไรก็ตามการเป็นเจ้าแรกไม่ได้การันตีว่าจะสามารถอยู่รอดได้ในทุกวันนี้เสมอไป คุณอาจจะแฮปปี้ในช่วงแรกที่ยังไม่มีคู่แข่งเข้ามา แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณหยุดพัฒนาตัวเอง หรือไม่สามารถรักษาฐานลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น ย่อมมีโอกาสที่เจ้าที่ตามมาทีหลังจะแซงคุณขึ้นไปได้อย่างแน่นอน

 

 

The best

ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาในตลาดเป็นจ้าแรก สิ่งนึงที่จะทำให้คุณสามารถแชร์ตลาดหรือเป็นที่รู้จักได้คือ การเป็นที่หนึ่งหรือทำให้ดีกว่าเจ้าที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว ดังเช่นคำที่ว่า me too but do better จำไว้เสมอลูกค้าจะจำเฉพาะร้านใน 3 อันดับแรกเท่านั้น ถ้าชื่อของคุณไม่สามารถขึ้นไปเป็นอันดับต้น ๆ ในใจลูกค้าได้ ก็เตรียมตัวถูกลืมไปได้เลย

คำว่าดีที่สุดนั้นไม่ได้หมายถึงการคุณมีอาหารที่อร่อยที่สุดหรือใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดเสมอไป แต่มันคือสิ่งทีลูกค้าบอกว่าคุณดีที่สุดในมุมมองของเค้า

 

The different

ถ้าเราไม่ได้มากลุ่มแรก หรือทำได้ดีที่สุด สิ่งสุดท้ายที่เราต้องทำเพื่อให้อยู่รอดได้คือ ความแตกต่าง ไม่ว่าจะแตกต่างด้วยตัวอาหาร แบรนด์ดิ้ง หรือการบริการ

ความแตกต่างอาจทำให้เราได้กลุ่มลูกค้าที่เฉพาะ(niche market) คนพวกนี้อาจกำลังเบื่อสื่งที่มีอยู่ในตลาดและกำลังมองหาอะไรใหม่ๆ ถ้าเราทำให้คนกลุ่มนี้รักเราได้ ก็จะมีโอก่าที่คนกลุ่มนี้จะไปบอกต่อให้เพื่อนมาใช้บริการเราเพิ่มขึ้น ความแตกต่างทำให้คุณมีที่ยืนในตลาด มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะโดยที่คุณอาจไม่ใช่เจ้าแรกหรือเจ้าที่ดีที่สุด

สิ่งที่ต้องคำนึงในการนำเสนอความแตกต่างก็คือ แตกต่างได้ แต่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าของเราด้วย เพราะต่อให้เรานำเสนอความแตกต่างยังไง ถ้าลูกค้าไม่ซื้อก็คงเปล่าประโยชน์

 

 

คงเป็นเรื่องที่ดีถ้าธุรกิจใดเป็นได้ทั้ง 3 ประเภทนี้ นั่นหมายถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ หรืออย่างน้อยที่สุดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ยังดี แต่ในโลกทุกวันนี้ การเป็นเจ้าแรก ดีที่สุด หรือ แตกต่าง อาจไม่ได้การันตีผลสำเร็จในระยะยาวอีกต่อไป ผู้นำอาจกลายเป็นผู้ตามได้ในระยะเพียงข้ามคืน ฉะนั้นการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดจะทำให้เรายังมีที่ยืนอยู่ในตลาดนี้ได้ค่ะ

 

หวังว่าบทความที่นำมาฝากกันในวันนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนนะคะ ไว้พบกันใหม่ในบทความหน้า ฝากติดตาม Torpenguin 🐧 ในทุก ๆ ช่องทางด้วยนะคะ

 

 

📌 ติดตามข่าวสารธุรกิจร้านอาหาร

Facebook : Torpenguin
Instargram : torpenguin
TikTok : torpenguin
Youtube : Torpenguin

 

📌อ่านบทสัมภาษณ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจต่อ